ปัญหาโลกร้อน และฝุ่น PM2.5 เล่นงานประชากรโลกหนักข้อขึ้นทุกวัน ประเทศไทยเราก็ประสบปัญหาไม่น้อยกว่าส่วนใดของโลก การแก้ปัญหานอกจากทุกฝ่ายต้องพร้อมใจช่วยกันลดปัจจัยการเกิดฝุ่น เช่น งดเผาเพื่อการแกษตร, งดการเผาขยะ, บำรุงรถยนต์ให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนดอนออกไซค์น้อยที่สุด เป็นต้น นวัตกรรมและเทคโนโลยีก็สามารถนำมาช่วยแก้ไขได้เช่นกัน โดยรูปแบบการนำเทคโนโลยีมาใช้ก็แตกต่างกันไปตามศักยภาพของหน่วยงาน
ดาวเทียม และ AI ติดตามฝุ่นเพื่อวางนโยบายแก้ไขอย่างยั่งยืน
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เป็นหน่วยงานหนึ่งที่เฝ้าดูแลและหาแถวทางแก้ไขฝุ่น PM2.5 ในภาพใหญ่ โดยล่าสุดได้ดึงศักยภาพของเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ โดยอาศัยระบบถ่ายภาพจากดาวเทียม Himawari-8 ที่สามารถวิเคราะห์ค่าความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 ผ่านการสะท้อนและดูดกลืนแสงในชั้นบรรยากาศได้อย่างต่อเนื่อง และละเอียดชนิดที่รายงานความเปลี่ยนแปลงได้ทุก 10 นาที บวกกับแบบจำลอง AI/ML (Artificial Intelligence / Machine Learning) ที่สามารถคาดการณ์แนวโน้มฝุ่นละอองได้ล่วงหน้าและแม่นยำ
ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศนี้ สามารถช่วยให้รัฐบาลกำหนดนโยบายแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ในขณะเดียวกันก็แจ้งเตือน รวมทั้งแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วนได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ยังสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับนานาชาติเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันได้อีกด้วย
เครื่องฟอกอากาศเพื่อชุมชน
ดูภาพใหญ่แล้ว หันมามองเทคโนโลยีรอบตัวกันบ้าง เพราะศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) เขาได้พัฒนาเครื่องฟอกอากาศนอกอาคารออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้อย่างน่าชื่นชม โดยหลักการของมัน คือ ใช้ใบพัดความเร็วสูงดึงอากาศเข้าไปในตัว แล้วแยกฝุ่นกับละอองน้ำออกมาด้วยเทคโนโลยี Jet Venturi Scrubber สามารถลดฝุ่นละอองได้สูงสุด 120,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ที่ผ่านมาได้ทดสอบติดตั้ง ณ อาคาร ทรูดิจิทัลพาร์ค ลดค่าฝุ่นได้ถึง 50%, มหาวิทยาลัยพะเยา ลดได้ 40% ซึ่งจากข้อมูลระบุว่าเครื่องฟอกอากาศนี้พัฒนามาตั้งแต่ปี 2563 ช่วยสร้างอากาศสดชื่นได้อย่างดี ปัจจุบันได้พัฒนาให้ตัวเครื่องเล็กลง เพื่อติดตั้งในพื้นที่แคบได้ รวมทั้งให้เหมาะกับการจำหน่ายเชิงพานิชย์ หน่วยงานต่าง ๆ สามารถซื้อไปฟอกอากาศได้
เทคโนโลยีกักขังคาร์บอนไดออกไซค์
กล่าวถึง PM2.5 แล้ว ก็หนีภาวะโลกร้อนไม่ได้ จึงขอหยิบโครงการที่ชื่อว่า Climeworks ของบริษัทพัฒนาด้านพลังงานในสวิสเซอร์แลนด์มาบอกต่อ เพราะเขามีเทคโนโลยีที่สามารถดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้โดยตรงจากอากาศ หรือ Direct Air Capture (DAC) หลักการทำงาน คือ DAC จะดึงคาร์บอนไดออกไซค์เข้ามาในเครื่องด้วยพัดลมดูดอากาศ ต่อจากนั้นก็จะสกัดคาร์บอนฯ ด้วยความร้อนสูง 100 องศาเซลเซียสจนกลายเป็นคาร์บอนฯ บริสุทธิ์ แล้วผสมกับน้ำ ต่อจากนั้นผลักลงดินเพื่อกักขังมันไว้ เหมาะกับการไปติดตั้งไว้ใกล้ ๆ โรงงานอุตสาหกรรมเป็นอย่างยิ่ง
จากเทคโนโลยีปัจจุบันที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ความหวังที่เราจะชนะภาวะโลกร้อน และฝุ่น PM2.5 ก็สดใสขึ้นตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้วิทยาศาสตร์จะก้าวกระโดดเพียงไร สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความตระหนักของเราทุกคน ช่วยกันคนละไม้ละมือ ไม่สร้างมลพิษ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ก็ถือเป็นการช่วยลดโลกร้อนเช่นกัน ที่ดีกว่านั้นไม่ต้องลงเงินด้วย
********