เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี 1943 กระทั่งในการประชุม Dartmouth ปี 1956 จึงถือเป็นจุดกำเนิดของ AI เพราะ ณ ที่แห่งนี้ได้รวบรวมนักวิจัยชั้นนำจากสาขาที่เกี่ยวข้องกับ AI มาไว้ด้วยกัน หลังจากนั้นเอไอก็สร้างความฮือฮาให้ผู้คนอย่างต่อเนื่อง เช่น Unimate หุ่นยนต์สร้างอุปกรณ์รถยนต์ ในปี 1961, ELIZA แชตบอตตัวแรกของโลก ในปี 1966, AlphaGo เอไอหมากล้อมที่สามารถชนะแชมป์หมากล้อมโลกได้ในปี 2016 เป็นต้น ถึงจะเป็นเทคโนโลยีเขย่าโลก แต่ก็สร้างเสียงฮือฮาในช่วงสั้น ๆ เพราะคนทั่วไปรู้สึกยังห่างไกล และเข้าไม่ถึง กระทั่งเข้าสู่ปี 2020 มีการพัฒนา Generative AI เช่น OpenAI อย่าง ChatGTP เป็นต้น วงการเอไอก็บูมโดยทันที และยังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย เนื่องจากคนทั่วไปเข้าถึง ใช้ประโยชน์จากมันได้โดยตรง ปัจจุบัน Generative AI กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว อย่างน้อย ๆ ก็ระบบสั่งการสมาร์ทโฟน ทั้งนี้หลายคนอาจจะรู้สึกว่ายังใช้ประโยชน์จากเอไอไม่สะใจเท่าไหร่ อยากเรียนรู้อีก บทความนี้ขอบอกว่า ตอนนี้เอไอพัฒนาจาก Generative AI เป็น Agentic AI ที่มีความสามารถเหนือกว่าหลายเท่าตัวแล้ว
ความเหนือชั้นของ Agentic AI
Agentic AI เป็นเอไอที่เก่งกว่า Generative AI ตอนนี้หลายองค์กรทั่วโลกหันมาพัฒนา Agentic AI อย่างจริงจัง ความแตกต่างของทั้งสองตัว สามารถอธิบายได้ดังนี้
Generative AI คือ นักสร้างสรรค์ตามคำสั่ง คล้ายเด็กนักเรียนที่เราต้องการให้ทำอะไร ก็สั่งออกไป เช่น ต้องการให้วาดภาพดอกไม้ ก็ป้อนคำสั่งเข้าไปว่า ให้ดอกไม้ออกมาลักษณะไหน สีอะไร พื้นหลังเป็นอย่างไร เมื่อเอไอสร้างภาพมาแล้ว หากเราไม่พอใจก็ป้อนคำสั่งเพิ่มเติมเข้าไปใหม่จนพอใจ ในด้านการถามข้อมูล เจ้า Generative AI ก็ทำได้เพียงนำข้อมูลต่าง ๆ จากอินเตอร์เน็ตมาเปรียบเทียบให้ผู้ใช้ตัดสินใจเอง เป็นต้น
Agentic AI เป็นเอไอที่ยกระดับกว่า Generative AI เพราะตัวนี้สามารถคิดแทนมนุษย์ได้ ในโครงสร้างของมันประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านคล้ายองค์กรหนึ่งองค์กรที่มีผู้จัดการ มีไอที บัญชี การเงิน นักวิเคราะห์ ฯลฯ เช่น เมื่อเรามีแผนไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เพียงบอกมันว่าจะไปเที่ยวเมืองไหนวางแผนให้หน่อย มันก็จะจัดทริปมาอย่างสมบูรณ์ เหมือนไกด์จัดการให้ คือ ไปเที่ยวบินไหน แวะรับประทานอาหารที่ไหน เที่ยวจุดใดบ้าง แถมยังจองตั๋วเครื่องบิน และจัดการจ่ายเงินให้ได้ด้วย (เงินเรานะ) หรือถ้าจะสั่งของจากเว็บไซต์ มันสามารถทำได้ชนิดที่ว่าเลือกสินค้าที่ตรงใจเรา ราคาเหมาะสม คุณภาพดี สั่งซื้อ และติดตามการจัดส่งให้ได้ด้วย
Agentic AI ทำอะไรได้บ้าง
ข้างต้นที่ยกมาเป็นเพียงประโยชน์เล็ก ๆ ให้พอเห็นภาพ แต่ศักยภาพของ Agentic AI ยังมีมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม เช่น นำไปวิเคราะห์หากลยุทธ์การตลาดในองค์กร, ช่วยออกแบบแผนการตลาด, วิจัยตลาดเพื่อให้สินค้าออกมาตรงความต้องการของลูกค้า เป็นต้น
ทั้งนี้ AI ถือเป็นผู้ช่วยหนึ่ง ที่ส่งผลให้ทำงานได้ง่ายกว่าเดิม ลดขั้นตอนที่ซับซ้อนลง และเป็นเทคโนโลยี ฉะนั้นเราจึงควรมีทักษณะด้านนี้พอสมควร อีกประการหนึ่ง เอไอจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดอีกมาก การนั่งรอทบทวนว่าจะใช้ดีหรือไม่ใช้ดี ก็อาจทำให้ตกขบวนจนตามใครไม่ทัน
********