“CDP (Customer Data Platform) เปรียบเสมือนกล้องวงจรปิด เพราะเราไม่สามารถติดกล้องวงจรปิดวันนี้ เพื่อย้อนกลับไปดูภาพโจรขึ้นบ้านเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ และนี่คือสาเหตุที่เราต้องติดกล้องวงจรปิดก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับ CDP หากเราเริ่มช้า เราก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปขุด Data ตลอดจนพฤติกรรมของผู้บริโภคในอดีตได้ ดังนั้นเราจึงควรเริ่มใช้ CDP เร็วที่สุด เพราะยิ่งเริ่มช้าเท่าไร นั่นคือ ค่าเสียโอกาสที่เราจ่ายไปเท่านั้น”
ประโยคข้างต้น คือ คำตอบต่อความสำคัญของ Marketing Technology หรือ MarTech จาก คุณอิศเรศ ประจิตต์มุทิตา ผู้ก่อตั้งบริษัท เซเบิล จำกัด (SABLE, AI CDP) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการขายอัตโนมัติ ด้วย AI อัจฉริยะ เพื่อช่วยวิเคราะห์ และส่งเสริมงานขายได้อย่างเหนือชั้น ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาด้าน CDP และ Marketing Automation
สำหรับต้นสายของคำตอบเรื่องความสำคัญของ MarTech นั้นอยู่ในรายละเอียดการสัมภาษณ์ถัดไปนี้ แต่ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับ SABLE กันก่อนดีกว่า
SABLE ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการขายอัตโนมัติ
บริษัท เซเบิล จำกัด ให้บริการแพลตฟอร์มการขายอัตโนมัติ เพื่อสนับสนุนให้ทุกธุรกิจสามารถขายได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่ง คุณอิศเรศ ได้ขยายความว่า SABLE ต่อยอดมาจาก AIPEN Studio ซึ่งเป็นบริษัทที่รับพัฒนาซอฟแวร์ให้กับองค์กรต่าง ๆ มากว่า 7 ปี (สัมภาษณ์ ปี 2025) จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่าสิ่งที่องค์กรธุรกิจต้องการล้วนมี 2 ส่วนหลัก ๆ ประกอบด้วย การลดต้นทุน และการเพิ่มรายได้ จึงกลายมาเป็น SABLE ซึ่งมาจากคำว่า Saleable
“จาก 2 สิ่งที่ยกมา ทำให้เรามีไอเดียอยากทำโปรแกรม หรือแพลตฟอร์ม เพื่อช่วยให้องค์กรมีรายได้มากขึ้น ขายได้มากขึ้น โดยสิ่งนั้นต้องเป็น Standard หมายความว่า เมื่อเขาซื้อไปแล้วแกะกล่องออกมาใช้งาน สามารถตอบโจทย์ได้เลย นี่คือลักษณะซอฟต์แวร์ของเรา” คุณอิศเรศ ขยายความ พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า
ทั้งนี้แพลตฟอร์มของ SABLE นั้นเป็นการรวม Marketing Automation และ CDP เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนของธุรกิจ โดยการนำ AI มาวิเคราะห์ DATA โดยลูกค้าหลักเป็นกลุ่ม B2B หรือกลุ่มลูกค้า B2C แบบ high involvement product
ประโยชน์ของ CDP และ MarTech
ก่อนเริ่มถึงประโยชน์ของ CDP และ MarTech คุณอิศเรศ เท้าความไปยังระบบหลังบ้านที่ทุกองค์กรคุ้นเคย คือ CRM (Customer Relationship Management) โดยกล่าวว่า ระบบนี้เป็นการเก็บข้อมูลของลูกค้า เช่น ชื่อ เบอร์โทร อีเมล ฯลฯ แล้วค่อยให้ฝ่ายขายตามไปสานสัมพันธ์ต่อ ซึ่งวิธีนี้ในมุมมองของ SABLE ถือเป็นปลายน้ำ เพราะองค์กรโดยปกติแล้วนั้นล้วนปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าก่อนหน้ากรอกข้อมูลด้วยซ้ำ
“ในเชิงการตลาด CRM ถือเป็น Step ท้าย ๆ เพราะขั้นตอนก่อนหน้ายังมีอีก เช่น ลูกค้ามาจาก Facebook AD ตัวไหน ปกติเราไม่ได้ยิงแอดแค่ตัวเดียว สมมติมีแอด 20 ตัว แล้วลูกค้าที่เข้ามา มาจากแอดตัวไหนล่ะ? ประเด็นนี้ CDP ตอบได้ นอกจากนี้ยังบอกได้ด้วยว่าลูกค้าเห็นโฆษณาจากหน้าเว็บไซต์ไหนของเรา เขาทำอะไรบนหน้าเว็บฯ บ้าง เช่น copy ภาพไหม copy ชื่อสินค้าไปค้นหาราคาที่อื่นหรือเปล่า คือเราจะรู้ได้เลยว่า ขณะที่ลูกค้าส่งไลน์มาถามข้อมูล เขากำลังเปิดหน้าเว็บไซต์สินค้าอะไร ทำให้เราแนะนำสินค้าได้ตรงใจลูกค้า”
นอกจากความสามารถของแพลตฟอร์มในข้างต้น AI CDP ยังสามารถรายงานรายละเอียดลงลึกได้มากขึ้นอีก เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อลูกค้า walk in เข้าสู่โชว์รูม พนักงานขายสามารถทราบได้เลยว่า ก่อนเข้ามาลูกค้าเปิดดูข้อมูลบ้านจากเว็บไซต์หน้าไหน มีความลังเลระหว่างโครงการ A กับ B หรือไม่ เคยสอบถามเซลล์ว่าอย่างไรบ้าง ไปจนกระทั่งการตอบแบบสอบถามว่า รู้จักโครงการบ้านจากที่ใด ซึ่งส่วนนี้ คุณอิศเรศ กล่าวว่า ลูกค้ามักตอบแบบสอบถามว่าเห็นจากบิลบอร์ด จึงเลี้ยวรถเข้ามา แต่ความเป็นจริงแล้ว เขาอาจเคยเห็นจากหน้าเว็บไซต์มาก่อนหน้านี้หลานเดือน เมื่อเห็นบิลบอร์ดจึงเป็นการกระตุ้นเตือนอีกครั้ง ประเด็นเหล่านี้ช่วยสนับสนุนงานขายได้ เพราะเมื่อเรารู้ความต้องการของลูกค้า ความลังเลของลูกค้า ก็สามารถเสนอโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้าได้
คุณอิศเรศ ยกตัวอย่างว่า ลูกค้าเคยดูข้อมูลบ้านโครงการ A กับ B มาก่อนแล้ว แต่ลังเลว่าจะไม่เหมาะกับโครงการ B ฉะนั้นเมื่อมายังโชว์รูมจึงปักหมุดไปยังโครงการ A เท่านั้น แต่หากเซลล์รู้ข้อมูลว่า ลูกค้าเคยสนใจโครงการ B มาก่อน จึงสามารถนำเสนอเสนอข้อมูลโครงการ B ให้ลูกค้าเมื่อโครงการ A ที่เขาเคยปักหมุดเมื่อมาชมจริง ๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์ และหลายกรณีลูกค้าเลือกซื้อตัวเลือกใหม่
นอกจากนี้การรู้ข้อมูลความสนใจของลูกค้ายังสามารถสร้างความประทับใจต่อเขาได้อีกด้วย เช่น ใจหนึ่งลูกค้าสนใจสินค้า A แต่ต้องตัดใจไปเลือกสินค้า B แทน จะด้วยปัจจัยอะไรก็แล้วแต่ ดังนั้นหากพนักงานรู้ว่า ลูกค้าเข้าเว็บไซต์ศึกษาสินค้า A หลายครั้ง ก็สามารถเสนอข้อมูลสินค้า A ให้ลูกค้าเพิ่มเติมได้ สิ่งนี้จะทำให้ลูกค้าประทับใจ เพราะรู้สึกว่าพนักงานเข้าใจตนเอง และคิดเห็นตรงกัน
“CDP ทำให้เห็นข้อมูลลูกค้า 360 องศา ว่าเขาสนใจอะไร อย่างไรบ้าง” คุณอิศเรศ ย้ำ
ความแตกต่างระหว่าง Marketing Automation และ Customer Data Platform
หลายองค์กรเข้าใจว่า Marketing Automation กับ Customer Data Platform เป็นสิ่งเดียวกัน เนื่องจากผู้ให้บริการหลายแห่งหยิบเพียง CDP มาพัฒนาแล้วจำหน่าย หรือไม่ก็ให้บริการเฉพาะ Tool ของ Marketing Automation เท่านั้น แต่คุณอิศเรศ กล่าวว่าทั้ง 2 อย่าง เป็นคนละส่วนกัน และ SABLE มีการทำ Marketing Automation ทั้งหมด 2 แบบ ขออธิบายให้เข้าใจง่ายตามรายละเอียดด้านล่าง
Marketing Automation แบบแรกที่ SABLE ทำ คือ AD Optimization หรือ AD automation ซึ่งเป็นการยกระดับการยิงแอดโฆษณาจากเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเราสามารถส่งโฆษณาตามพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างตรงจุด เช่น ให้โฆษณาปรากฏต่อบุคคลที่เคยดูบ้านคล้ายโครงการ A ที่พระราม 2 แล้วดู Master Bedroom นาน 10 วินาที และมีความลังเลเกี่ยวกับสโมสรด้วย เป็นต้น
“เราสามารถทำแบบนี้ได้เลย แปลว่าการยิงแอดจะแม่นขึ้น เพราะเรามีข้อมูล มีการนำ AI มาวิเคราะห์ DATA อย่างละเอียด พอเรามีข้อมูลที่ละเอียดก็สามารถทำภาพกราฟิก หรือมีเดีย หรือแคปชั่น ที่โดนใจและรู้ใจลูกค้ามากขึ้น” คุณอิศเรศ อธิบาย
Marketing Automation แบบที่สองที่ SABLE ทำ คือ การยกระดับการส่งข่าวสารสู่ลูกค้า โดยแต่เดิมเมื่อรู้ชื่อ อีเมล Line ฯลฯ องค์กรทั่วไปก็จะทำการ Direct Message ไปตามที่อยู่นั้น ๆ แต่ SABLE เป็นอีกขั้นหนึ่ง เช่น กรณีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อลูกค้าคอนเฟิร์มเซลล์ว่าจะเข้าไปชมโครงการ เมื่อใกล้ถึงวันนัด ระบบจะส่งข้อความไปการันตีอีกครั้ง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับการต้อนรับและดูแลอย่างดี อีกนัยหนึ่งก็เป็นการยืนยันด้วยว่าลูกค้าจะไม่ผิดนัด
“หรืออีกความสามารถหนึ่งที่ลูกค้าของ SABLE นำไปใช้แล้วประทับใจมาก เพราะใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน ได้ผลดี คือ ระบบของเราสามารถกระตุ้นเตือนลูกค้าที่ Add LINE OA ไปแล้วไม่เปิดอ่านได้ เช่น ผ่านไป 1 วัน ลูกค้ายังไม่อ่าน ระบบก็จะส่ง Information อะไรไปสักอย่าง อาจเป็นรูปอะไรสักอย่าง ถ้ายังไม่อ่าน อีก 1 วัน ระบบก็จะส่งแบบใหม่ไปให้ ถ้ายังไม่อ่านเพราะเขาอาจมองว่าส่งมาขายของ ไม่อยากเปิดอ่าน ระบบก็จะเปลี่ยนเป็นข่าวสารที่ไม่เน้นขายของไปให้แทน ระบบนี้เท่าที่ผมทำ Report ปรากฏว่า มีลูกค้าที่ไม่คุยเลย กลับมาคุยถึง 80% ครับ”
จากตัวอย่างที่ยกมา ผู้อ่านอาจเกิดความกังวลเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล ประเด็นนี้ คุณอิศเรศ กล่าวว่า ทุกอย่างดำเนินตามกฎหมาย PDPA อย่างเคร่งครัด
MarTech Solutions เทคโนโลยีใส่ใจลูกค้า ด้วยการรู้ใจ
SABLE เน้นนำ MarTech Solutions มาประยุกต์เพื่อมอบความใส่ใจต่อลูกค้า โดยการรู้ใจด้วย AI ตัวอย่างการรู้ใจลูกค้า คุณอิศเรศ อธิบายดังนี้
“สมมติเราจะโปรโมทโปรโมชั่นใหม่ทางโซเชียลมีเดีย แล้วจะต้องโพสต์กี่โมง? แน่นอน! หลักการทั่วไปมี 2 แบบ 1.ใช้สัญชาตญาณ 2.ค้นหาข้อมูลที่เคยมีการทำวิจัยไว้ แต่ผมขอเสนอแบบที่ 3 ได้ไหม คือ เอา AI มาอ่านว่า เรามี DATA พฤติกรรมของลูกค้าอย่างไรบ้าง คุณ A มักเปิด website หาข้อมูลของเราตอนกี่โมง คุณ B ชอบเปิดกี่โมง คุณ C มักตอบแชทตอนไหน สุดท้ายเมื่อประเมินแล้วเราก็จะได้ข้อมูลที่แม่นยำออกมา จะพบว่า อ้อ! คุณ A ควรส่งไปตอน 8.51 น. นะ เพราะเขามักเปิดอ่านแชทเวลานี้”
“นอกจากนี้ AI ยังวิเคราะห์ได้ว่า ลูกค้า Copy อะไรบนหน้าเว็บฯ หรือเลื่อนไปดูรูปอะไรเป็นพิเศษ เช่น ดูรูปห้องน้ำ แล้ว Copy ไปค้นหาเปรียบเทียบราคา อย่างนี้ก็รู้ได้ แปลว่าจากข้อมูลที่เราเก็บ จะบอกความสนใจของลูกค้าได้หมด ตัวอย่างล่าสุด ลูกค้าคอนโดมิเนียม เขากรอกข้อมูลบนเว็บไซต์ว่าสนใจโครงการ A แต่ผมทราบความจริงว่า ก่อนที่เขาจะกรอกว่าสนใจโครงการ A เขาศึกษาโครงการ B อยู่นานพอสมควร สิ่งนี้เมื่อก่อนเซลล์ไม่เคยรู้เลย ด้วยแพลตฟอร์มนี้เราจะเห็นเลยว่า ลูกค้าเลือกอะไร ลังเลอะไร คิดอะไรอยู่”
รูปแบบการทำงาน คล้ายส่ง AI ไป Tracking พฤติกรรมลูกค้า แต่ คุณอิศเรศ อธิบายว่า AI ไม่ได้ติดตามใคร มันมีหน้าที่วิเคราะห์ DATA ที่ได้มาจากแพลตฟอร์ม MarTech Solutions ที่ SABLE พัฒนาขึ้นมานั่นเอง
“เราพัฒนาโปรแกรมเก็บข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ครับ อีกตัวหนึ่งก็คือโซลูชั่นวิเคราะห์ข้อมูล อธิบายให้เห็นภาพ คือ ให้มองเอกสารที่วางกองอยู่มากมายบนโต๊ะทำงาน นั่นคือ DATA เราก็พัฒนามือจับ เพื่อมาเก็บเอกสาร แล้วก็พัฒนา AI มาอ่านเอกสาร”
การ Implement และความท้าทาย
การ Implement MarTech Solutions ของ SABLE มี 2 ขั้นตอนหลัก ๆ ประกอบด้วย
1. ติดตั้งตัวระบบ ซึ่งเป็นลักษณะ Plug and Play ง่าย และสะดวกกับทุกองค์กร
2. ดำเนินการใช้ AI ให้เกิด Return On Investment ซึ่งจะควบคู่ไปกับการให้บริการที่ปรึกษา ทั้งนี้ คุณอิศเรศ กล่าวว่าบริการของ SABLE ประกอบด้วยโซลูชั่น กับให้คำปรึกษา โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าว่าจะเลือกโซลูชั่นอย่างเดียว หรือรวมบริการเป็นที่ปรึกษาด้วย
ทั้งนี้หากสนใจติดตั้งระบบโซลูชั่น MarTech แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำความเข้าใจ และเลือกใช้รูปแบบที่เหมาะสมกับองค์กรที่สุด
สำหรับความท้าทายในการ Implement MarTech Solutions คุณอิศเรศ กล่าวว่า ในมุมของ SABLE นั้นไม่มีอุปสรรค เนื่องจากนโยบายบริษัท ไม่เสนอเงื่อนไขที่เกินความสามารถ
“ปัญหาเรื่อง implement ที่เกิดบ่อย ๆ ส่วนใหญ่มาจากทำตามข้อเสนอไม่ครบ 100% ตามที่ขายไว้ แล้วไปเร่งติดตั้งเพิ่มเติม พัฒนาอย่างเร่งรีบก็เกิดปัญหาตามมา แต่ของ SABLE เราบอกตั้งแต่วันแรกเลยว่าเรามีอะไร และเราจะขายแค่นี้นะ แต่ถ้าคุณต้องการจะเพิ่มอะไร เราก็ยินดีนำข้อเสนอใส่ใน Roadmap ไว้”
แนวโน้มในอนาคตของ MarTech Solutions
ทางด้านแนวโน้มในอนาคตของ MarTech Solutions คุณอิศเรศ มองว่ามีความสำคัญต่อทุกธุรกิจอย่างยิ่ง หากองค์กรใดช้า ก็อาจตกขบวนได้ โดยได้อธิบายถึงสาเหตุว่า
“เมื่อ 3 ปีก่อน ผมต้องใช้พลังงานสูงมากในการอธิบายถึงประโยชน์ของ MarTech Solutions หลังจากนั้นผ่านมาเพียง 1 ปี องค์กรส่วนใหญ่เริ่มเข้าใจกันมากขึ้น ตื่นตัวว่าต้อง implement เทคโนโลยีอะไรสักอย่างเข้ามายกระดับบริษัท กระทั่งปัจจุบัน ผมไม่ต้องอธิบายเลยว่า CDP คืออะไร Marketing Automation คืออะไร ดังนั้นถ้าถามว่าแนวโน้มข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ผมขอตอบว่า จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ”
“สำหรับเป้าหมายในอนาคตของ SABLE คือ เราจะเป็นผู้ช่วยให้ลูกค้าขายของได้มากขึ้น เรายึดหลักการนี้มาตั้งแต่แรก ดังนั้นอะไรที่ทำให้เขาขายได้มากขึ้น เราก็จะทำสิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราทำอยู่แล้ว หรือพัฒนาโซลูชั่นใหม่ ๆ ขึ้นมา เราก็จะมุ่งมั่นและทำให้เข้มข้นยิ่งขึ้นครับ”
จากบทสัมภาษณ์เราจะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญต่อการวางแผนการตลาด และเพิ่มยอดขาย การมีโซลูชั่นที่ดี จะก้าวสู่ความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ซึ่ง คุณอิศเรศ ได้กล่าวไว้ช่วงหนึ่งว่า “Marketing Automation เป็นเหมือนมายากล แต่ไม่ใช่ สิ่งนี้คือวิทยาศาสตร์ เป็นเทคโนโลยีที่พิสูจน์ได้” ถึงไม่ใช่มายากล หรือเวทมนต์ แต่ก็เอื้ออำนวยความสะดวกให้อย่างมาก ดังนั้นลองสำรวจธุรกิจของคุณกันเถอะว่า สามารถนำ MarTech Solutions มาช่วยในส่วนใดได้บ้าง
ช่องทางการติดต่อ SABLE
Website: https://sable.asia
E-mail: contact@sable.asia
Facebook: https://www.facebook.com/sable.th
Tel.: 02-114-3679
********