“Kintone” แอปพลิเคชันที่เหมาะสมต่อการช่วยส่งเสริมการบริหารงาน ขณะนี้กำลังมุ่งมั่นมาเปิดตลาดที่ประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมาย ทำยอดผู้ใช้งานให้ถึง 1,000 ราย ภายในปี 2025
บริษัท Kintone (Thailand) Co., Ltd. เป็นบริษัทในเครือของ Cybozu บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์จากกรุงโตเกียว ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม 2024 โดยมีคุณน้ำยา วายุภาพ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ โดย Kintone เป็นแอปพลิเคชันระบบจัดการงานแบบคลาวด์ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เพราะสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องพึ่งพาความรู้ด้าน IT หรือภาษาในการเขียนโปรแกรม ทั้งยังสามารถเข้ากันได้ดีกับระบบอื่น ๆ ทำให้ Kintone ขยายกลุ่มผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
เราได้พูดคุยกับคุณน้ำยาเกี่ยวกับวิธีที่ Kintone ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรได้
■ การออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้งาน โดยไม่ต้องพึ่งพาความรู้เฉพาะทาง
ตลาดประเทศไทยในปัจจุบัน ยังคงมีธุรกิจขนาดเล็กและกลางจำนวนมากที่ยังคงใช้กระดาษหรือ Excel ในการจัดการลูกค้า ผลิตภัณฑ์ การจัดซื้อ และงานธุรการ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการผลิตหรือแม้แต่ในสาขาที่ต้องการความเชี่ยวชาญสูง เช่น การค้าหรือการแพทย์ ทำให้ยังคงมีความผิดพลาดจากมนุษย์อยู่ และทรัพยากรทั้งเวลาและบุคลากรยังถูกใช้งานอย่างไม่ลดลง
ในขณะเดียวกัน แม้ว่าบางบริษัทจะได้ดำเนินการติดตั้งระบบสารสนเทศหลัก (ERP) แล้ว แต่ขอบเขตของการใช้งานยังคงจำกัดอยู่ ตัวอย่างเช่น ฝ่ายการขายและฝ่ายบริหาร ต่างทำงานแยกกันอย่างสิ้นเชิง และไม่มีการประสานงานกัน ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน ซึ่งพบได้บ่อยในหลายองค์กร
หากสามารถเชื่อมโยงงานต่าง ๆ เช่น การจัดการงานและการจัดการจัดซื้อเข้าด้วยกันแล้ว ประสิทธิภาพในการทำงานก็จะพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนบางครั้งรู้สึก “เสียดายโอกาส” ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วย Kintone ซึ่งเป็นระบบที่บริษัทของเรานำเสนอ โดยผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะทาง ไม่ต้องใช้โค้ดหรือทักษะการเขียนโปรแกรมใด ๆ ก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะมีแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกันอยู่มากมาย แต่หลายครั้งพบว่าแอปพลิเคชันเหล่านั้นยากที่จะปรับแต่ง หรือวางระบบไว้ซับซ้อนเกินกว่าจะใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพได้ Kintone จึงโดดเด่นที่สุดในเรื่องการออกแบบที่คำนึงถึงมุมมองของผู้ใช้งานเป็นหลัก และใช้งานได้ง่าย
■ ทดลองใช้มาแล้วในบริษัทท้องถิ่น
ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นบริษัทญี่ปุ่น โดยมีสัดส่วนการใช้งานเป็นบริษัทท้องถิ่นของไทยประมาณ 15% อย่างไรก็ตาม หากมองในมุมกลับกัน ตลาดนี้ยังมีศักยภาพและโอกาสที่ดีในการเติบโต ครั้งนี้เราจะขอนำเสนอหนึ่งในบริษัทของไทย ที่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างน่าทึ่งด้วยการติดตั้ง Kintone
บริษัทนั้นคือ “บริษัท เอราวัณฟูด จำกัด (มหาชน)” ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาหารกระป๋องแห่งแรกของไทย มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพ และมีโรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร ก่อตั้งขึ้นในปี 1951 ผลิตภัณฑ์หลักประกอบด้วย วัตถุดิบจากการเกษตรในประเทศไทย เช่น มะพร้าว มะม่วง ลิ้นจี่ และผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น ๆ เช่น กะทิและผลไม้ในน้ำเชื่อม มีการส่งออกไปกว่า 50 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย
แม้จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 70 ปี แต่ระบบสารสนเทศหลัก ที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรยังไม่ได้รับการจัดตั้งอย่างสมบูรณ์ การจัดการการผลิตยังคงใช้กระดาษ หรืออย่างมากก็ใช้โปรแกรม Excel ในการจัดการการจัดซื้อ เช่น การรับออเดอร์จากแต่ละแผนก และการจัดสรรสินค้าตามรายการและปริมาณสำหรับผู้ขายแต่ละราย ยังมีการใช้กระดาษและการทำงานด้วยมือ
ทางบริษัทได้เข้ามาปรึกษาเราในช่วงปี 2022 โดยมีความประสงค์ที่จะพัฒนาปรับปรุงการดำเนินงานทั้งองค์กร เราได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ผู้จำหน่ายและพาร์ทเนอร์ด้านการให้คำปรึกษา สำรวจปัญหาและความไม่สะดวกของแต่ละแผนก และบุคลากรแต่ละราย เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา
สองปีต่อมา เราพบว่า บริษัท เอราวัณฟูด จำกัด (มหาชน) เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก พนักงานขายสามารถป้อนข้อมูลการเจรจาทางธุรกิจผ่านระบบดิจิทัลขณะอยู่กับลูกค้า และสำนักงานใหญ่สามารถติดตามข้อมูลนั้นแบบเรียลไทม์ เพื่อปรับปรุงการผลิตและการสั่งซื้อ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสามารถลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ได้สำเร็จ
※ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากกรณีศึกษาการใช้งานของผู้ใช้ที่ลิงก์ด้านล่าง
■ จุดเด่นของงาน DigiTech ASEAN Thailand
ในงานนิทรรศการด้าน Digital Transformation ที่ชื่อว่า “DigiTech ASEAN Thailand” ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ได้มุ่งเน้นไปที่สองแนวทางหลัก
แนวทางแรกคือ การนำเสนอส่วนที่มีคีย์เวิร์ดว่า “เริ่มต้นทันที ใช้งานได้ทันที” ซึ่งเน้นความรวดเร็วและความหลากหลาย เราได้เตรียมแม่แบบ และกรณีศึกษาทั่วไปที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถสัมผัสถึงประโยชน์ของการปรับปรุงกระบวนการทำงานได้ทันที
อีกแนวทางหนึ่งคือ การให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับความสามารถในการปรับแต่งและขยายการใช้งาน โดยอาจเรียกว่าเป็นแนวคิดแบบ DIY (Do It Yourself)
ในสังคมธุรกิจไทย การทำงานแบบสั่งการจากบนลงล่าง (Top-down) ยังคงมีอยู่มาก และการทำงานแบบจากล่างขึ้นบน (Bottom-up) ยังคงมีน้อย ในอีกด้านหนึ่ง สังคมไทยโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีทัศนคติที่เปิดกว้างต่อเทคโนโลยีดิจิทัล หากสามารถปรับแต่งและแก้ไขการทำงานในระดับปฏิบัติงานได้เอง ก็จะสามารถนำไปสู่การปรับปรุงขนาดใหญ่ได้ในอนาคต
เมื่อ 20 ปีก่อน ตอนที่เราเริ่มดำเนินธุรกิจในฐานะสำนักงานตัวแทน มีพนักงานเพียง 4 คน ปัจจุบันเมื่อเรากลายเป็นบริษัทในไทยอย่างเต็มรูปแบบ จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักแล้ว นอกจากตลาดในประเทศไทย บริษัทของเรายังดูแลตลาดในเวียดนามและฟิลิปปินส์ด้วย และเรายังคงขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปพร้อมกับสำนักงานในมาเลเซีย
เป้าหมายระยะสั้นของเรา คือ การมีลูกค้า 5,000 รายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2025 โดยตั้งเป้าให้ตลาดในประเทศไทยมีลูกค้าอย่างน้อย 1,000 ราย
Related Articles