หลังจากมีการคาดเดากันมานานหลายเดือน Apple Intelligence ก็กลายมาเป็นจุดเด่นในงาน WWDC 2024 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวได้รับการประกาศเปิดตัวขึ้นท่ามกลางข่าวคราวเกี่ยวกับ AI เชิงสร้างสรรค์จากบริษัทต่างๆ เช่น Google และ Open AI
Apple Intelligence (ใช่แล้ว AI ย่อมาจาก Large Language Model) ไม่ใช่ฟีเจอร์แบบสแตนด์อโลน แต่เป็นการผสานรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้ว แม้ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ในความหมายที่แท้จริง แต่เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) จะทำงานเบื้องหลัง สำหรับผู้บริโภคแล้ว เทคโนโลยีนี้จะแสดงตัวเองเป็นส่วนใหญ่ในรูปแบบของฟีเจอร์ใหม่สำหรับแอปที่มีอยู่
การเปิดตัว iPhone 16 ของ Apple ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน ในระหว่างงาน Apple ได้นำเสนอฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มากมายที่จะมาสู่อุปกรณ์ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการแปลบน Apple Watch Series 10 การค้นหาด้วยภาพบน iPhone และการปรับแต่งต่างๆ มากมายสำหรับความสามารถของ Siri นอกจากนี้ Apple ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า Intelligence จะเปิดตัวในเวอร์ชันเบต้าในฤดูใบไม้ร่วงนี้ในสหรัฐอเมริกาในภาษาอังกฤษ โดยจะเปิดตัวในระดับสากลที่กว้างขึ้น โดยมีแผนที่จะเปิดตัวในภาษาอื่นๆ เพิ่มเติมจนถึงสิ้นปีนี้ไปจนถึงปี 2025
ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของเมืองคูเปอร์ติโนได้เรียก Apple Intelligence ว่า “AI for the rest of us.” แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ AI เชิงสร้างสรรค์ทำได้ดีอยู่แล้ว เช่น การสร้างข้อความและรูปภาพ เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติที่มีอยู่ เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มอื่นๆ รวมถึง ChatGPT และ Google Gemini
Apple Intelligence ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับโมเดลข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบเหล่านี้ใช้การเรียนรู้เชิงลึกเพื่อสร้างการเชื่อมโยง ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือเพลง
LLM นำเสนอตัวเองเป็นเครื่องมือการเขียน คุณสมบัตินี้พร้อมใช้งานในแอปต่างๆ ของ Apple รวมถึง Mail, Messages, Pages และ Notifications สามารถใช้สรุปข้อความยาวๆ อ่านแก้ไข และแม้แต่เขียนข้อความให้คุณโดยใช้คำแนะนำเนื้อหาและโทนเสียง
การสร้างรูปภาพได้รับการพัฒนาด้วยเช่นกัน ผู้ใช้สามารถแจ้งให้ Apple Intelligence สร้างอีโมจิแบบกำหนดเอง (Genmojis) ในสไตล์ Apple House Image Playground เป็นแอปสร้างภาพแบบสแตนด์อโลนที่ใช้คำแนะนำเพื่อสร้างเนื้อหาวิดีโอที่สามารถใช้งานในข้อความ Keynote หรือแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียได้
นอกจากนี้ Apple Intelligence ยังถือเป็นการปรับโฉมใหม่ของ Siri ที่ทุกคนรอคอยมานาน ผู้ช่วยอัจฉริยะนี้เพิ่งเปิดตัวในช่วงแรกๆ แต่กลับถูกละเลยมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา Siri ถูกผสานเข้ากับระบบปฏิบัติการของ Apple ได้อย่างล้ำลึกยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น แทนที่จะเป็นไอคอนที่คุ้นเคย ผู้ใช้จะเห็นแสงเรืองรองรอบขอบหน้าจอ iPhone เมื่อใช้งาน
ที่สำคัญกว่านั้น Siri ใหม่สามารถทำงานข้ามแอปได้ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถขอให้ Siri แก้ไขรูปภาพแล้วแทรกภาพนั้นลงในข้อความได้โดยตรง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ราบรื่นอย่างที่ผู้ช่วยก่อนหน้านี้ไม่มี การรับรู้บนหน้าจอหมายความว่า Siri จะใช้บริบทของเนื้อหาที่คุณกำลังอ่านอยู่เพื่อให้คำตอบที่เหมาะสม
เพิ่มวิดิลิงค์นี้
https://www.youtube.com/watch?v=PugKQZHPut8
Apple Intelligence on iPhone in 5 minutes
Apple Intelligence ใช้ได้เมื่อใร?
Apple ประกาศว่า Apple Intelligence จะเริ่มเปิดให้ใช้งานในเดือนหน้าพร้อมกับ iOS 18.1, iPadOS 18.1 และ macOS Sequoia 15.1 ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ จะทยอยเปิดให้ใช้งานในเดือนต่อ ๆ ไป นอกจากนี้ Apple ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ iPhone 16 ใหม่ ที่สร้างมาเพื่อรองรับ Apple Intelligence ตั้งแต่แรกเริ่ม และมาพร้อมชิป A18 และ A18 Pro ที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น จึงทำให้ iPhone รุ่นนี้ล้ำหน้าและมากความสามารถที่สุดเท่าที่เคยมีมาในช่วงแรก Apple Intelligence จะเปิดให้ใช้งานในภาษาอังกฤษแบบ U.S. English และเร็วๆ นี้จะเพิ่มภาษาอังกฤษ Australia, Canada, New Zealand, South Africa และ U.K. ในราวเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ รวมถึงรองรับภาษาอื่นๆ อาทิ ภาษาอังกฤษแบบ Singapore, ภาษาฝรั่งเศส, ภาษาญี่ปุ่น และ ภาษาสเปน จะทยอยรองรับเพิ่มเติมภายในปีหน้า