SaaS/Cloud Services

Construction Tech

Startups

Digital

Others

27.03.2024

【Construction DX】กล้องวงจรปิดบันทึกข้อมูลบนคลาวด์ “ Safie ” ผู้ขับเคลื่อน Digital Transformation ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างของไทย ช่วยลดปัญหาขาดแคลนแรงงานได้จริงหรือไม่ อย่างไร?

บริษัทหลายแห่งในไทยกำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานเนื่องจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ในอุตสาหกรรมก่อสร้างเองก็พบปัญหานี้เช่นกัน ยกตัวอย่าง ปัญหาการขาดบุคลากรดูแลงานบริหาร เช่น งานควบคุมความปลอดภัยหรืองานควบคุมคุณภาพ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถถ่ายทอดเทคนิคของช่างฝีมือได้ในระยะเวลาอันสั้น จึงทำให้การสื่อสารทางไกล และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยใช้บริการกล้องบันทึกข้อมูลบนคลาวด์ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในบทความนี้ เราได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณทาคิชิมะแห่ง Safie Inc. ซึ่งกำลังขยายบริการดังกล่าวเข้าสู่ตลาดประเทศไทย

บริการกล้องวงจรปิดบันทึกข้อมูลบนระบบคลาวด์ ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดครึ่งหนึ่งของตลาดประเทศญี่ปุ่น
– รบกวนช่วยเล่าเกี่ยวกับภาพรวมบริการของบริษัทของคุณ
บริษัทให้บริการกล้องวงจรปิดบันทึกข้อมูลบนระบบคลาวด์ โดยมีวิสัยทัศน์ว่า “สร้างอนาคตที่ดีกว่า ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชาญฉลาด” บริษัทกำลังพัฒนาเฟิร์มแวร์ติดตั้งในกล้อง และหากกล้องที่มีเฟิร์มแวร์ดังกล่าวเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ข้อมูลในกล้องจะถูกอัพโหลดไปยังคลาวด์ ผู้ใช้บริการสามารถดูวิดีโอได้ทุกที่ทุกเวลาจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีจุดเด่นคือ เมื่อเปรียบเทียบกับกล้องระบบ On-Premise แล้ว ผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถนำเข้ามาใช้งานในองค์กรได้อย่างง่ายดายเนื่องจากไม่ต้องใช้เครื่องบันทึก มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และเหนือสิ่งอื่นใดซอฟต์แวร์มีความสามารถในการขยายตัวสูง (Extensibility) ความสามารถในการขยายตัวสูงเป็นจุดสำคัญ ทำให้ซอฟต์แวร์สามารถเพิ่มฟังก์ชันใหม่ผ่านการอัพเดตเฟิร์มแวร์ ทำงานร่วมกับระบบ อื่น ๆ ผ่านทาง API และวิเคราะห์ภาพโดยใช้ AI บริษัทเรียกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่า “กล้อง AI ที่ฉลาดขึ้น”

การวิเคราะห์ภาพโดยใช้ AI มีฟังก์ชันซึ่งสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของมนุษย์และนับจำนวนคนที่เข้าไปในพื้นที่ที่ระบุได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างเช่น สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของลูกค้าที่ไม่สามารถบันทึกโดยระบบ POS ของร้านค้าปลีกเพียงอย่างเดียวเพื่อนำไปใช้ทำการตลาด

นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นในปี 2557 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนกล้องที่ติดตั้งบริการดังกล่าวแล้วเกิน 200,000 ตัว และมีส่วนแบ่งในตลาดให้บริการกล้องบันทึกข้อมูลบนคลาวด์ของประเทศญี่ปุ่นสูงถึง 56.4% (ข้อมูลปี 2565) บริษัทที่ใช้บริการของเรามีการใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ อีกทั้งยังมีธุรกิจอื่น ๆ ที่ใช้งานบริการของเราอีกมากมาย

จัดการกับปัญหาขาดแคลนแรงงานประเทศไทย เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดกำลังคนด้วยกล้องคลาวด์
– ทำไมบริษัทของคุณถึงตัดสินใจขยายธุรกิจสู่ประเทศไทย
มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ ได้แก่ “ ขนาดและความง่ายในการเข้าสู่ตลาด ” “ Network และความรู้ของบริษัทพันธมิตรในท้องถิ่น ” และ “ การตอบสนองต่อปัญหาทางสังคม ”

ตลาดกล้องวงจรปิดของประเทศไทยมีขนาดใหญ่เพียงพอ มีโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่จำเป็นสำหรับการให้บริการอยู่แล้ว และมีบริษัทญี่ปุ่นมากกว่า 6,000 แห่งถูกจัดตั้งขึ้นและดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

บริษัทคาดการณ์โดยพิจารณาจาก use case ในประเทศญี่ปุ่นได้ว่า สามารถเข้าสู่ตลาดไทยได้ง่ายหากตั้งเป้าหมายไปที่บริษัทญี่ปุ่นก่อน และค่อย ๆ ขยายเป้าหมายไปที่บริษัทสัญชาติอื่น

นอกจากนี้ บริษัทพันธมิตรในท้องถิ่นมีความรู้และ Network กว้างขวาง บริษัทคาดว่าสามารถใช้ความรู้และ Network ดังกล่าวในการขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น

มิหนำซ้ำ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานเนื่องจากประชากรมีอายุมากขึ้น บริษัทคาดว่าประเทศไทยจะขาดแคลนผู้จัดการหรือวิศวกรมากยิ่งขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อตอบสนองต่อปัญหาเหล่านี้ บริษัทคิดว่าการเพิ่มประสิทธิภาพงานและการประหยัดกำลังคนด้วยกล้องคลาวด์น่าจะเป็นทางออกเช่นเดียวกันกับที่รับมือในประเทศญี่ปุ่นซึ่งขาดแคลนแรงงาน

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจที่ได้รับการสนับสนุนจากการผลิตและการท่องเที่ยว และจำเป็นต้องสร้างอุตสาหกรรมใหม่ บริษัทเชื่อว่าบริษัทสามารถมอบคุณค่าใหม่ๆ โดยการส่งเสริม Digital Transformation ผ่านการใช้กล้องบนคลาวด์ และร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาโซลูชันที่ผสานรวมโลกแห่งความเป็นจริงและโลกแห่งดิจิทัล

– บริษัทของคุณมีกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจสู่ตลาดประเทศไทยอย่างไร
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมี “ Safie PRO ” กล้องติดตั้งคงที่ซึ่งใช้งานโดยเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต “ Safie GO ” ซึ่งกล้องและ LTE router เป็นหนึ่งเดียวกัน “ Safie Pocket 2 ” กล้องขนาดเล็กซึ่งมีทั้งฟังก์ชันกล้อง แบตเตอรี่ และสัญญาณสื่อสาร ในประเทศไทย บริษัทจะเริ่มขายจากซีรีส์ Safie Pocket 2 ซึ่งใช้งานง่ายและถูกใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมผลิต แล้วจึงค่อย ๆ นำซีรีส์ Pro และ GO เข้ามาขายเป็นลำดับต่อไป

เป้าหมายของบริษัทคือการพัฒนา Digital Transformation ในไซต์งานผ่านกล้องระบบคลาวด์ โดยบริษัทมองการพัฒนาดังกล่าวออกเป็นเป็น 5 ขั้นตอน ในขั้นตอนที่ 1 เดินหน้าติดตั้งกล้องเพื่อความปลอดภัยและการเฝ้าระวัง ในขั้นตอนที่ 2 ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานผ่าน Telepresence ในขณะที่ส่งเสริมการใช้งานกล้องอย่างต่อเนื่องในขั้นตอนที่ 1 และ 2 บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การผสมผสานเข้ากับระบบอื่น ๆ เช่น POS และ PLC ในขั้นตอนที่ 3 และให้บริการโซลูชันที่ใช้ AI และนำโซลูชันดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในขั้นตอนที่ 4 สุดท้ายในขั้นตอนที่ 5 บริษัทจะร่วมมือกับบริษัทอื่น ๆ เพื่อจัดหาโซลูชันต่าง ๆ ที่ใช้วิดีโอ ในขณะที่บริษัทดำเนินการส่งเสริม 5 ขั้นตอนนี้ บริษัทจะส่งเสริม Digital Transformation ในไซต์งานในประเทศไทยเพื่อขยายตลาด

ดำเนินการ Telepresence ในไซต์งานก่อสร้างและการสนับสนุนด้านเทคนิคจากประเทศญี่ปุ่น
– คุณคิดว่าอะไรคือปัญหาที่ไซต์งานก่อสร้างในประเทศไทยเผชิญอยู่
บริษัทเห็นว่ายังเหลือช่องทางที่สามารถใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน คุณภาพ และความปลอดภัยในไซต์งานก่อสร้างในประเทศไทยอีกมาก ตัวอย่างเช่น กรณีที่ผู้จัดการดูแลไซต์งานหลายแห่ง เป็นเรื่องยากที่จะไปเยี่ยมชมไซต์งานทั้งหมดเพื่อดำเนินการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัย ดังนั้นการซัพพอร์ตโดย Telepresence ด้วยกล้องระบบคลาวด์จึงเป็นประโยชน์

Obayashi Corporation ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เช่น ลดเวลาการเดินทาง ได้สำเร็จโดยนำ “ Safie GO ” ซึ่งเป็นแบบติดตั้งและ “ Safie Pocket2 ” ซึ่งเป็นแบบสวมใส่ได้มาใช้งาน ดำเนินการ Telepresence และการจัดการระยะไกล นอกจากนี้บริษัทยังส่งเสริมการใช้กล้องเพื่อสั่งสมองค์ความรู้และการถ่ายทอดเทคนิค โดยเฉพาะสาขาวิศวกรรมโยธาซึ่งมีงานก่อสร้างบางงานซึ่งหลาย ๆ ปีทำครั้งนึง ขั้นตอนการทำงานดังกล่าวสามารถเก็บเป็นวิดีโอเพื่อใช้เป็นคู่มือและถ่ายทอดเทคนิคได้

นอกจากนั้นยังสามารถใช้ “ ฟังก์ชันไทม์แลปส์ ” เพื่อย่อวิดีโอ 3 วันให้เหลือ 3 นาทีเพื่อตรวจสอบความคืบหน้างานก่อสร้าง บันทึกงานที่เป็นอันตราย เช่น งานประกอบโครงเหล็ก เพื่อให้ผู้จัดการตรวจสอบการดำเนินงานที่ไม่ปลอดภัย บันทึกงานที่สำคัญเช่น งานเทคอนกรีต เพื่อให้ผู้จัดการตรวจสอบควบคุมคุณภาพ Safie Pocket2 นั้นเคลื่อนย้ายและติดตั้งได้ง่าย สามารถนำไปติดตั้งในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นงานที่เป็นอันตรายหรืองานสำคัญได้

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในงานก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและการตรวจสอบอุปกรณ์ได้อีกด้วย การก่อสร้างและตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกมักดำเนินการในสถานที่ห่างไกลหรือในวันหยุด ส่งผลให้ผู้จัดการไปที่ไซต์งานได้ยากลำบาก ผู้ใช้บริการสามารถรักษาคุณภาพและความปลอดภัยได้โดยให้พนักงานในไซต์งานสวม Safie Pocket2 ไว้ที่คอเพื่อถ่ายภาพสภาพของไซต์งานให้ผู้จัดการดูได้จากระยะไกล และวิดีโอที่ถ่ายโดยกล้องยังเป็นการบันทึกการก่อสร้าง สามารถนำมาใช้วิเคราะห์หาสาเหตุหากเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต หรือสามารถนำมาใช้ในการฝึกอบรมภายในบริษัทได้อีกด้วย

ไม่เพียงแต่ในไซต์งานก่อสร้าง หากเกิดปัญหาขึ้นที่ไซต์งานในประเทศไทยสามารถแชร์วิดีโอฟุตเทจกับพนักงานชาวญี่ปุ่นเพื่อให้ช่วยวิเคราะห์สาเหตุและแก้ไขปัญหา ปัญหาใดที่หากดำเนินการแก้ไขโดยพนักงานในพื้นที่เพียงลำพังใช้เวลานาน ก็สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นโดยการขอความช่วยเหลือจากพนักงานชาวญี่ปุ่น

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่พนักงานในไซต์งานอาจรู้สึกว่าตนถูกจับตามอง ดังนั้นเมื่อนำบริการมาใช้ สิ่งสำคัญคือต้องสื่อสารถึงประโยชน์ในแง่มุมของไซต์งาน หากพนักงานเข้าใจถึงคุณประโยชน์ เช่น การซัพพอร์ตงาน และการลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพของการรายงานโดยกระดาษ บริษัทเชื่อว่าสามารถใช้บริการได้อย่างมีประโยชน์มากยิ่งขึ้นต่อไป

ขยายธุรกิจสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย 2 เสาหลัก ประเทศไทยและประเทศเวียดนาม
– ทำไมบริษัทคุณถึงได้ขยายธุรกิจสู่ประเทศเวียดนามในเวลาเดียวกัน
แต่ละประเทศมีความต้องการที่แตกต่างกัน ประเทศเวียดนามมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วและอุดมไปด้วยแรงงานรุ่นใหม่ บริษัทคาดการณ์ว่าความต้องการในการผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในทางกลับกัน ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่เติบโตช้าและมีประชากรสูงวัย บริษัทคาดการณ์ว่าจะเกิดความต้องการในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและลดกำลังคนโดยเครื่องมือดิจิทัลเช่นเดียวกับในญี่ปุ่น บริษัทจะตอบสนองต่อความต้องการที่แตกต่างกัน และเร่งขยายธุรกิจไปทั่วโลก

– ช่วยเล่าเกี่ยวกับแผนในอนาคต
ในอนาคต บริษัทต้องการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศอินโดนีเซีย แต่ก่อนอื่นบริษัทจะพัฒนาธุรกิจในประเทศเวียดนามและประเทศไทยให้มั่นคงก่อน
โดยส่วนตัวแล้ว ตอนตนเป็นนักเรียนตนได้เดินทางท่องเที่ยวในเอเชีย ระหว่างนั้นได้เห็นผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่นจำนวนหนึ่ง จึงรู้สึกภูมิใจในตัวบริษัทญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันดูเหมือนว่ามีบริษัทสตาร์ทอัพประเทศญี่ปุ่นเพียงไม่กี่รายที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก ในฐานะสตาร์ทอัพประเทศญี่ปุ่น ตนอยากบุกเบิกตลาดต่างประเทศและสร้างปรากฏการณ์ต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเหมือนกับที่ Sony และ Toyota เคยทำในอดีต จึงต้องการทำงานร่วมกับบริษัทสตาร์ทอัพ และพันธมิตรอื่นๆ เพื่อให้บริษัทเป็นที่รู้จักในระดับโลกมากยิ่งขึ้น

Related Articles

RECOMMEND