Construction Tech

Software for Business

27.10.2023

【Construction Tech】Construction Technology เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการก่อสร้างอัจฉริยะ

ปัจจุบันเทคโนโลยีการก่อสร้าง (Construction Technology) ถือเป็นหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ทั้งยังถูกยกให้เป็นความหวังใหม่ในการแก้ปัญหา และยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้าง ทั่วโลกต่างมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมต่อการทำงานของตนอย่างต่อเนื่อง เพราะสิ่งนี้สามารถแก้ปัญหาแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป

คุณพงศ์พันธ์ สุธิชัย Virtual Design and Construction Manager บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด หรือ CPAC ได้อธิบายองค์ประกอบของ Construction Technology ไว้ว่า

“เราแบ่งเป็น 2 เรื่องครับ คือ Construction Technology กับ Digital Construction โดย Construction Technology จะหมายถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการก่อสร้างจริง ๆ อย่างการก่ออิฐ ฉาบปูน 3D Print หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ส่วน Digital Construction จะเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถปรับใช้ได้กับทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การวางแผนการทำงานก่อนลงมือก่อสร้าง การติดตามความคืบหน้าระหว่างการก่อสร้าง ไปจนถึงการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลภายหลังการก่อสร้าง”

สำหรับ CPAC นอกจากมีชื่อเสียงด้านผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และคอนกรีตแล้ว ปัจจุบันยังเป็นผู้นำในด้านการบริการการก่อสร้างครบวงจร ในชื่อว่า CPAC Green Solution ได้แก่ บริการที่ปรึกษาด้านการก่อสร้าง รวมทั้งสร้างอาคาร โรงงาน และฟาร์มปศุสัตว์, บริการสำรวจพื้นที่และการออกแบบ, งานบ้านและอาคารสำเร็จรูป, สร้างและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน, แพลตฟอร์มด้านการวิเคราะห์ และออกแบบ ฯลฯ

ความเกี่ยวข้องของ Construction Technology
คุณพงศ์พันธ์ ได้อธิบายถึงความเกี่ยวข้องของ Construction Technology โดยแบ่งเป็น 5 เรื่องใหญ่ ๆ ประกอบด้วย
1. Off Site Construction คือ การสร้างส่วนประกอบจากโรงงานแล้วนำไปวางยังหน้างาน วิธีนี้จะช่วยลดระยะเวลาการทำงาน ลดการสร้างขยะ และเป็นการใช้วัสดุอย่างคุ้มค่า เพราะไม่จำเป็นต้องสั่งของเผื่อเหลือเผื่อขาดเหมือนที่เคยทำกันมาในอดีต ยิ่งไปกว่านั้นการก่ออิฐ ฉาบปูนหน้างาน อิฐ หิน ดินทราย รวมถึงวัสดุต่าง ๆ ที่กองไว้ก็อาจพร่องลงจากเดิม ทำให้การควบคุมปริมาณวัสดุที่จำเป็นต้องใช้ในงานเป็นไปได้ยาก แต่การสร้างส่วนประกอบให้เสร็จมาจากโรงงาน จะช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการวัสดุได้พอดีตามความต้องการ

2. Modularity คือ การออกแบบ แบบ modular เนื่องจากสามารถวางงานได้พอดี ต่อกันได้อย่างเหมาะเจาะ ทำให้ไม่ต้องสั่งชิ้นงานมาเผื่อตัด และการประกอบก็มีความเรียบร้อยสวยงาม

3. Digital Construction คือ การออกแบบ และวางแผนการก่อสร้างในระบบดิจิทัล สามารถใช้ดิจิทัลถอดแบบออกมาได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ เมื่อมีการแก้หรือปรับแบบก็สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรื้อทั้งหมดเหมือนแบบกระดาษทั่วไป

4. Construction Technology เป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ใช้ในการทำงาน โดยเป็นการเชื่อมโยงกับ Digital Construction ยกตัวอย่าง เช่น 3D Print โดยขั้นแรกใช้ดิจิทัลในการออกแบบ แล้ว print ออกมา เพื่อดูว่าหน้าตางานเป็นอย่างไร ใช้พื้นที่เท่าไร ตรงตามแผนหรือไม่ ต้องใช้วัสดุเท่าไร ส่วนนี้ช่วยให้เกิดความรวดเร็ว ลดความผิดพลาดของ Human error และไม่มีวัสดุเหลือใช้ เพราะ 3D Print สามารถคำนวนว่าต้องใช้วัสดุเท่าไร ขนาดเท่าไร ต้องเจาะช่องประตูหน้าต่างตรงไหน ได้อย่างแม่นยำ

5. Upskill แม้จะเน้นเทคโนโลยี แต่บุคคลก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ฉะนั้นการดำเนิน Construction Technology จึงต้องพัฒนาทักษะของบุคลากร เพื่อให้ใช้เครื่องมือ และมีความเชี่ยวชาญวิทยาการใหม่ ๆ ควบคู่ไปด้วย

ประโยชน์ของ Construction Technology
ประโยชน์ของ Construction Technology โดยรวมช่วยให้ผู้ประกอบการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว ลดต้นทุน ลดการสร้างขยะ ลดมลภาวะ และเป็นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ คุณพงศ์พันธ์ ได้นิยามประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีการก่อสร้าง ให้ชัดเจนว่า “ไม่ต้องดูแบบแล้วมาจินตนาการว่างานจะเป็นอย่างไร” เพราะการออกแบบดิจิทัล ระบบสามารถคำนวนจำนวนวัสดุ ราคาอุปกรณ์ ออกมาได้อย่างแม่นยำ พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นภาพดังนี้

หากใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างออกแบบ และทำ 3D Print ออกมา ผู้รับเหมาย่อมมองเห็นภาพได้ตั้งแต่แรกว่า หากลงมือก่อสร้างจริงจากแบบ จะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง เช่น บางกรณีช่องบันไดไม่ได้เจาะ หรือเดินท่อชนกัน ดังนั้นการทำ 3D Print ออกมาดูก่อน จึงช่วยให้มองเห็นปัญหา และแก้ไขได้ทันที ทั้งนี้สำหรับการแก้ไขแบบ หากใช้ดิจิทัลในการออกแบบ ระบบอัจฉริยะของมันก็จะช่วยแก้ปัญหาให้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการเขียนแบบอาคารนั้น หากขยับกระเบื้องเพียงชิ้นเดียว ก็อาจกระทบทั้งงานได้

จากตัวอย่างที่ยกมา นอกจากการทำ 3D Print แล้ว ระบบดิจิทัลยังสามารถทำภาพเป็นวิชวล 3 มิติ ที่สามารถดูภาพหน้างานได้ว่า พื้นที่โดยรอบเป็นอย่างไร สามารถนำรถเครนเข้าไปจอดตรงไหน วางอุปกรณ์จุดไหนได้บ้าง ส่วนนี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น

ทิศทางของ Construction Technology
คุณพงศ์พันธ์ กล่าวว่าทิศทางในอนาคตของ Digital Construction และ Construction Technology จะเชื่อมโยงกัน ช่วยให้เราสามารถแชร์ข้อมูลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้แต่ระบบออกแบบอัจฉริยะเองก็จะเข้ามามีบทบาทมากกว่าในปัจจุบัน โดยยกตัวอย่าง Digital Construction Platform ที่ CPAC กำลังดำเนินการและพัฒนาอยู่ ได้แก่

เว็บไซต์ kitcarbon ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับคำนวณคาร์บอน เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้ามาคำนวณปริมาณคาร์บอนในการก่อสร้าง และแนวทางการลด เนื่องจากในอนาคต การลดปริมาณคาร์บอนมีผลด้านนโยบายภาษีของประเทศ

นอกจากนี้ลูกค้าที่ใช้บริการก่อสร้างกับ CPAC สามารถเข้าไปดูความคืบหน้าผ่านเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการเช่นกัน ในนี้สามารถดูว่าการก่อสร้างเป็นไปตามแผนงานหรือไม่ เบิกจ่ายไปแล้วเท่าไร

สำหรับระบบอัจฉริยะที่เข้ามาช่วยงาน ตัวอย่างที่ คุณพงศ์พันธ์ เห็นว่าน่าจะเป็นแนวโน้มที่น่าสนใจ คือ การใส่โค้ดคำสั่ง เพื่อการออกแบบ เช่น ต้องการสร้างสะพานข้ามบ่อน้ำ ก็สามารถใช้คำสั่งให้โปรแกรมออกแบบมาให้ โดยระบุเพียงว่า ต้องการสะพานรูปร่างอย่างไร กว้าง ยาวเท่าไร ใช้เสาตอหม้อกี่เสา

Construction Technology ปรับตัวก่อนย่อมได้เปรียบ
ผู้ประกอบการบางรายอาจมองว่า ใช้วิธีก่อสร้างแบบเดิม ๆ ที่คุ้นเคย งานก็เสร็จสมบูรณ์ ไม่เห็นต้องปรับตัว ไม่จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีไกลตัว และไม่คุ้นเคยเข้ามาใช้ให้ยุ่งยาก แต่ก็ไม่ควรลืมว่าปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และประโยชน์ของ Construction Technology นั้นมีมาก เช่น การช่วยให้เราทำงานได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น ในระยะเวลาที่สั้นลง อย่างปกติติดต่องานเข้ามา 100 ชิ้น วิธีแบบเดิมอาจทำได้เพียง 10 ชิ้น แต่เมื่อหยิบ Construction Technology เข้ามาช่วย อาจทำให้เราสามารถรับงานได้ทั้งหมด ดังนั้นหากไม่รีบพัฒนาหรือปรับตัวตั้งแต่ตอนนี้ ในอนาคตเราอาจตามคู่แข่งไม่ทัน และที่สำคัญหากเราปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปถึงวันที่ยุคสมัยบังคับให้เราปรับ ถึงเวลานั้นเราอาจต้องจ่ายค่าปรับตัวเป็นมูลค่ามหาศาลก็เป็นไปได้

*********

Related Articles

RECOMMEND