JRIT ICHI

“Manufacturing Expo 2023” งานจัดแสดงเครื่องจักรอุตสาหกรรมระดับนานาชาติชั้นนำของอาเซียน มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ามากกว่า 1,000 บริษัท จาก 30 ประเทศทั่วโลก ภายในงานนำเสนอเกี่ยวกับเครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ดิจิทัลและ solution ใหม่ล่าสุดที่ช่วยปฏิรูปอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งเทคโนโลยีต่าง ๆ อาทิ AI, IoT, AR/VR, ระบบอัตโนมัติ, คลาวด์ และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของยุคอุตสาหกรรม 4.0 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้กำลังเปลี่ยนโฉมของอุตสาหกรรมการผลิตในอาเซียนครั้งยิ่งใหญ่

ดังนั้นในงาน Manufacturing Expo 2023 นี้ เราจึงขอนำ 5 บริษัทจากกลุ่ม ICHI มาแนะนำใน ICHI Pavilion เพื่อให้คนไทยทุกคนได้ชม solution ด้านอุตสาหกรรมการผลิตอันยอดเยี่ยมของประเทศญี่ปุ่น

ครั้งนี้เราได้สัมภาษณ์คุณเคสุเกะ มินามิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลาสเมธอด (ประเทศไทย) จำกัด

คือบริการเช่าใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และทรัพยากรแบบครบวงจร (Cloud Computing) ที่อาศัยเทคโนโลยีเสมือนในการใช้เซิร์ฟเวอร์และทรัพยากรฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้เล่นรายใหญ่และมีผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก คือ Amazon Web Services (AWS) ของ Amazon
บริษัท คลาสเมธอด จำกัด มีสำนักงานใหญ่ในโตเกียว เป็นพันธมิตรคู่ค้าที่ได้รับการรับรองอันดับสูงสุดในการสร้างและสนับสนุนการนำบริการนี้เข้ามาใช้งาน ทั้งยังเป็นบริษัทที่ได้รับรางวัล SI Partner of the year ระดับสากลจาก AWS ดังนั้นบริษัทจึงเห็นว่าขณะนี้ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังการระบาดของโควิด-19 เป็นจังหวะที่ดีในการเจาะตลาดประเทศไทย

เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ใกล้สิ้นสุดลง ผมรู้สึกว่าความต้องการในการลงทุนใหม่ ๆที่มุ่งเน้นไปยังอุตสาหกรรมการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน วิกฤตโควิด-19 ทำให้ผู้คนจำนวนมากเรียนรู้ถึงบทบาทหน้าที่เมื่อมีการลดจำนวนแรงงานคน และหันมาใช้งานระบบออนไลน์หรือระบบอัตโนมัติมากขึ้น ทำให้ผู้บริหารจำนวนมากได้เห็นด้วยตาตนเองว่าพื้นที่การทำงานที่มีประสิทธิภาพการผลิตสูงนั้นเป็นเช่นไร ซึ่งในตลาดท้องถิ่นเองก็พบเจอเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน แม้จะดูเป็นการเสียดสีไปเสียหน่อย แต่สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดการใช้แรงงานจำนวนมากที่ยังเหลืออยู่ก็คือการแพร่ระบาดของโควิด-19
ความเข้าใจอันลึกซึ้งต่อระบบคลาวด์ก็เช่นเดียวกัน ในตลาดของประเทศไทยนั้น ความรู้สึกต่อต้านในสิ่งที่มองไม่เห็นและไม่อาจเข้าใจในคุณค่าได้นั้นหยั่งรากลึกรุนแรง ส่งผลให้เกิดการเลือกที่จะใช้เซิร์ฟเวอร์ที่จับต้องได้มากกว่า แต่อย่างไรก็ตามการแทรกซึมของ IoT (Internet of Things) ซึ่งเชื่อมต่อทุกสิ่งเข้ากับพื้นที่อินเทอร์เน็ต และการเข้าใจว่าคลาวด์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการวิเคราะห์ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ได้เปลี่ยนแปลงทิศทางการเคลื่อนไหว ของตลาดเป็นอย่างมาก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงความเชื่อที่จับต้องไม่ได้ไปอย่างสิ้นเชิงนั้นก็เป็นผลมาจากโควิด-19 เช่นเดียวกัน

นอกจาก AWS แล้วทางบริษัทจะจัดแสดง IoT เป็นหลัก โดยพันธกิจของบริษัทคือ “การทำให้คนไทยทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น” ซึ่งเมื่อถามว่าการใช้ AWS และ IoT สามารถสร้างประโยชน์อะไรได้บ้าง ที่บูธของเรามีการแสดงผลวิเคราะห์แบบเรียลไทม์พร้อมตอบคำถามและให้คำปรึกษาปัญหาต่าง ๆ แก่ผู้เข้าชมงาน
การนำระบบคลาวด์เข้ามาใช้ สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างคาดไม่ถึง ทั้งประโยชน์ในการลดต้นทุนจำนวนมากด้วยระบบจ่ายตามการใช้งานจริงเท่าที่จำเป็น ทั้งยังสามารถปกป้องทรัพย์สินจากภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม การรั่วไหลของข้อมูล หรือความเสี่ยงจากการโจรกรรมเซิร์ฟเวอร์ได้อีกด้วย ซึ่งประโยชน์ในการใช้งานเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงในพื้นที่การผลิตเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์รองในด้านอื่น ๆ เช่น การรวบรวมข้อมูลอุปกรณ์ด้วย IoT หรือการแสดงผลและวิเคราะห์ข้อมูลในระบบคลาวด์ ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นเอกลักษณ์ของการใช้งานระบบคลาวด์

■ ข้อดีของสัญญาที่ทำกับ AWS คืออะไร
สิ่งที่ดึงดูดใจในการทำสัญญากับทาง AWS คือ การได้รับส่วนลดมากกว่าการทำสัญญากับทาง Amazon โดยตรงถึง 3% นอกจากนี้ยังมีบริการช่วยเหลือด้านเทคนิคในภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ และภาษาไทยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย และอีกหนึ่งในเหตุผลที่บริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยเลือกใช้ AWS ก็คือสามารถชำระค่าบริการในสกุลเงินบาทได้ เราหวังว่า บริษัทที่กำลังพิจารณาย้ายข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ภายในไปยังคลาวด์ บริษัทที่สนใจใช้ระบบคลาวด์เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล หรือบริษัทที่มีแผนงานในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์หรือส่งเสริมกิจกรรม SDGs จะมาเยี่ยมชมบูธของเราสักครั้ง

สำหรับท่านที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Classmethod สามารถเข้าไปดูได้ที่หน้า SHOW CASE ด้านล่าง
https://www.jrit-ichi.com/exhibitor/classmethod/