SaaS/Cloud Services

COVID-19

Innovation

Digital

SCM, RFID, Logistics

EC, O2O, Omnichannel

30.11.2022

【ICHI TALK】MyCloudFulfillment คลังสินค้าออนไลน์ เพื่อธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน

【ICHI TALK】MyCloudFulfillment คลังสินค้าออนไลน์ เพื่อธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน

รายการ “ICHI TALK” เชิญชวนผู้ประกอบการสตาร์ตอัพในไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์ มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับความหลงใหลในธุรกิจ และร่วมแชร์ประสบการณ์ รวมถึงข้อคิดดี ๆ ที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรพลาด

ผู้ดำเนินรายการ: วันนี้จะพาไปรู้จักกับสตาร์ทอัพที่เป็นผู้นำทางด้านการบริการคลังสินค้าออนไลน์ ผู้อยู่เบื้องหลังร้านค้าออนไลน์จำนวนมาก เพื่อช่วยตอบโจทย์ในการบริการระบบหลังบ้าน ขอต้อนรับ คุณเมฆ-นิธิ สัจจทิพวรรณ CEO & Co-Founder จาก MyCloudFulfillment ก่อนอื่นขอให้ช่วยแนะนำMycloudfulfillment ให้ฟังหน่อยค่ะ

คุณเมฆ: MyCloudFulfillment ทำธุรกิจที่เรียกว่า order fulfillment หรือ คลังสินค้าสำหรับคนที่ขายของออนไลน์ บริการของเราจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ เราเป็นคลังสินค้าที่ให้คนที่ขายของออนไลน์เอาของมาเก็บไว้ที่คลังของเรา เราก็จะทำการเก็บของ แพ็คของ และส่งของให้ อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของระบบจัดการ ที่ช่วยเชื่อมต่อช่องทางการขายต่าง ๆ ก็จะเป็น Marketplaces หรือ Social commerce ต่าง ๆ เพื่อที่จะเชื่อมต่อดูด order เข้ามาและ update stock กลับไป ทำให้เวลาทำงานเจ้าของร้านไม่ต้องเข้าไปดูเรื่องระบบจัดการเลย เพราะเราจะเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดครับ

ผู้ดำเนินรายการ: ทราบมาว่าได้มีการก่อตั้งและทำ project นี้มาหลายปีแล้ว เลยอยากทราบถึงไอเดียและจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจนี้ค่ะ

คุณเมฆ: ย้อนกลับไปตอนผมเป็นนักศึกษาปริญญาโทอยู่ที่อเมริกา ในวัน Boxing Day หรือ Black Friday ผมจะต้องรอลิฟต์นานมาก เพราะต้องส่งของขึ้นลิฟต์ไปก่อน ทำให้ผมเห็นภาพว่า e-commerce มันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ทำให้เห็นว่า e-commerce คือ อนาคต ซึ่งก่อนที่จะมาทำตัวนี้ผมทำสตาร์ทอัพมาแล้ว 3 ตัวครับ ก่อนไปอเมริกาผมทำตัวหนึ่ง คือ Makemygems ทำเกี่ยวกับการออกแบบ custom jewelry ตามลูกค้าสั่ง และส่งไปที่บ้านได้ ซึ่งปัญหาที่เจอในตอนนั้น คือ เมื่อ order เยอะขึ้นก็ต้องมานั่งเตรียมตัวแพ็คของ ซึ่ง jewelry เป็นของแพ็คยาก ต้องมานั่งเช็ดและเขียนการ์ด หมายความว่า การแพ็คของจำนวน 100 order เราต้องทำงานกันจนถึงเกือบเช้า อีกทั้งเมื่อเวลาไปส่งไปรษณีย์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สินค้าประเภทนี้ยังไม่ได้รับความเข้าใจ และการดูแลเท่าที่ควร จึงมองเห็นว่า e-commerce ยิ่งเติบโตขึ้นก็ยิ่งติดกับดักไม่ให้เติบโตต่อไปได้อีก เพราะไม่มีโลจิสติกส์สำหรับ e-commerce ส่วนตัวที่ 2 ที่ทำ ใช้ชื่อ Cookkit เป็นชุดทำอาหารส่งให้ที่บ้าน ซึ่งสามารถแกะซองแล้วทำอาหารได้เลย เพราะมีการกำหนดปริมาณมาเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปต่อเช่นกัน เนื่องจากติดปัญหาเรื่องโลจิสติกส์ จนมาถึงตัวล่าสุดที่เกิดความคิดว่าส่วนใหญ่ปัญหาที่เกิดขึ้นมักมาจากระบบหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการแพ็คของ ส่งของ ดังนั้นแทนที่เราจะไปเป็นผู้ขาย เรามาเป็นผู้ช่วยให้ร้านที่ขายดีอยู่แล้วให้ขายดีขึ้นอีกน่าจะดีกว่า ตรงนี้เลยประกอบด้วย 2 เรื่องคือ 1. เรามีความสามารถในด้านการทำ e-commerce มาก่อนอยู่แล้ว และมี connection ของคนขายของเหล่านี้ เพราะเราเคยไปออกบูธ 2. ที่บ้านทำธุรกิจโลจิสติกส์คลังสินค้าปล่อยเช่าอยู่แล้ว ผมเลยปรับเปลี่ยนคลังที่บ้าน กับพนักงานของที่บ้าน และนำความรู้ทางด้าน e-commerce ของเรามารวมกัน เลยกลายมาเป็น MyCloudFulfillment จุดเริ่มต้นในการทำวันแรกไม่ได้เกิดจากการที่เราต้องการเป็นสตาร์ทอัพหรอกครับ แต่เกิดจากการที่เราลองทำไปเรื่อย ๆ และมองเห็นโอกาสต่าง ๆ เช่น เราเห็นว่ามีลูกค้าบางกลุ่มที่พร้อมจะจ่ายในระดับหนึ่ง เพราะเข้าไม่มีตัวช่วยจริง ๆ รวมถึงเราเองก็มีคลังสินค้าที่ว่างอยู่ แทนที่เราจะเอาไปขายเจ้าเดียว ก็นำมาแบ่งขายซอยย่อยให้ลูกค้าหลาย ๆ ราย ซึ่งพอลองคำนวณแล้วเราได้กำไรมากกว่าการปล่อยเช่าเจ้าเดียวถึง 20 เท่า เลยเป็นจุดเริ่มต้นในการทำครับ

ผู้ดำเนินรายการ: ช่วงเวลาที่เริ่มตันทำธุรกิจมีปัญหาอะไรบ้าง และแก้ปัญหาเหล่านั้นอย่างไร

คุณเมฆ: ผมเริ่มจากการมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ซึ่งเราได้มาตอนไปออกบูธ โดยเข้าไปถามเพื่อนของเราว่าให้เราช่วยเรื่องโลจิสติกส์ไหม ตอนแรกทำให้ฟรี เพราะอยากจะทดสอบด้วยว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันถูกทางไหม โดยตอนนั้นยังใช้เป็น excel อัพเดตให้เห็นว่ายอดเหลือเท่าไรอย่างไร หลังจากนั้นก็ได้นำไปเสนอขายร้านต่าง ๆ แต่ก็จะมีพูดกลับมาบ้างว่า ราคาแพงไปไหม แพ็คให้จะดีเท่าเราทำไหม เป็นต้น แต่เมื่อมีลูกค้าคนแรกแล้วก็ได้มีการแนะนำต่อไปเรื่อย ๆ โดยเริ่มจากกลุ่มที่เรารู้จักอยู่แล้ว และก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นครับ ปัญหาหลักสุดที่เพิ่งแก้กันได้ คือ ระบบครับ เราและพาร์ทเนอร์เป็นคนสายธุรกิจทำให้ไม่มีความสามารถในเรื่องการทำระบบ รวมถึงไม่มี connection ในด้านนี้ด้วย ตอนแรกเราก็จ้างคนอื่นทำก่อน โดยที่เสียเงินกับระบบเก่าไป 30 กว่าล้าน ทำให้เรียนรู้ว่าการจ้างคนอื่นไม่สามารถควบคุมงานได้มากนัก ใช้เวลาและมีราคาค่อนข้างสูง แต่งานโอเคนะครับ แต่ว่าเมื่อมีปัญหาขึ้นมาเค้าอาจจะปล่อยทิ้งเลยก็ได้เช่นกัน ซึ่งทางผมเปลี่ยน software house ไปประมาณ 3 แห่งแล้ว จนกระทั่งรู้ว่าการที่เราจะทำสินค้าของเราเอง เราก็ต้องทำเองอยู่ดี ซึ่งวันที่รู้ตัวก็น่าจะเริ่มเมื่อ 3 ปีที่แล้วเราก็เริ่มจ้าง Chief Technology Officer เอง แต่ก็ใช่ว่าจะได้เจอคนที่ใช่ได้ง่าย ๆ ซึ่งคนปัจจุบันทำงานเข้ากันได้ดี คุยกันถูกคอ ไว้วางใจ รู้สึกอยากจะแชร์ทุกเรื่อง และรู้สึกว่าเป็นเพื่อนมากกว่าการเป็นทีมงานคนหนึ่งที่ทำเรื่องเทคโนโลยี มีครั้งหนึ่งที่เราถึงกับจะล้มเลิกกันเลยในเรื่องระบบก็คือ ในตอนที่เรามีลูกค้าอยู่ประมาณ 50 เจ้า ตอนนั้นเราใช้ระบบที่จ้างคนอื่นมาทำ เมื่อถึงจุดหนึ่งระบบก็ดับและหาสาเหตุไม่เจอ วิธีที่ทำเมื่อไม่มีระบบคือเราก็คีย์มือ แต่ผ่านไป 3 วันก็ยังแก้ระบบไม่ได้ จนคิดว่าถ้าวันที่ 4 ระบบยังแก้ไม่ได้ก็คือจบแล้วนะ ในตอนนั้นก็โพสต์หาคนที่มีความสามารถเข้ามาช่วยแก้ไขได้ทัน วันนั้นเลยรู้ตัวว่า เราพึ่งใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ต้องมี backup plan เสมอ รวมไปถึงการมี downturn ของธุรกิจ จังหวะธุรกิจที่ไม่แน่ใจว่าจะไปต่อดีไหม เนื่องจากขาดทุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงกระทั่งต้องมีการเอาพนักงานออก ทำให้เราเอามาย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าจะไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก แต่ก็ทำให้เห็นว่าความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นระบบของเราเอง หรือปัจจัยแวดล้อม เช่น โรคระบาด สงคราม เศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้ทำให้เราต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา

ผู้ดำเนินรายการ: อยากทราบว่า MyCloudFulfillment ได้มีการนำนวัตกรรมอะไรมาใช้ รวมถึงในอนาคตคิดที่จะนำเอาธุรกิจของเราไปอยู่ใน Metaverse อย่างไรบ้าง

คุณเมฆ: ระบบจัดการในการเชื่อมต่อที่เราใช้อยู่คือการทำงานแพลตฟอร์มเชื่อมต่อ API ที่คือเทคโนโลยีพื้นฐานที่เราทำกันอยู่ ระบบจัดการคลังสินค้า ส่วนระบบที่เราต้องการแก้เป็นพิเศษ คือ ระบบการจัดการสต็อก ซึ่งมีปัญหาอยู่ 2 ข้อ คือ 1 สต็อกมากจนเกินไป ทำให้เอาเงินไปจมอยู่กับของที่ยังขายไม่ได้ 2 สต็อกน้อยจนเกินไป ทำให้เสียโอกาสในการสร้างรายได้ ซึ่งเหล่านี้เป็นปัญหาตลอดเวลา หลายร้านมีการเก็บสินค้าทุกตัวในจำนวนที่เท่ากันทำให้เงินจมไม่น้อย แน่นอนว่าในช่วงแรกที่ยังไม่ทราบว่าสินค้าตัวไหนขายดีก็สามารถทำเช่นนี้ได้ แต่เมื่อขายไปเรื่อย ๆ ก็จะทราบว่าสินค้าตัวไหนขายดีขายไม่ดี จะทำ forecast ได้มากขึ้น สิ่งทีเราทำคือการใช้ข้อมูล โดยเอาข้อมูลการขายและการเคลื่อนไหวของคลังสินค้ามา forecast คร่าว ๆ เพื่อให้มองเห็นว่าควรสต็อกเท่าไร ก็จะมีอัลกอริทึ่มคร่าว ๆ ในการช่วยดูให้ หรือการรีออเดอร์พอยต์ว่าเมื่อไรถึงควรเติมสินค้า ระบบเหล่านี้จะช่วยคิดในการจัดการสต็อกให้ โดยให้คุณลงเงินน้อยที่สุดในการสต็อกของ ซึ่งหากทำแบบนั้นได้จะมีเงินเหลือและมีกำไร เพราะมีหลายร้านในช่วงโควิดที่ขายดีแต่เงินดันไปจมที่สต็อก ซึ่งไม่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ ทำให้เมื่อถึงเวลาที่ต้องการใช้เงินสดก็ไม่มี ทำให้เจ๊งไป น่าเสียดายมากเพราะ SME และหลาย ๆ ร้านค้ามีปัญหาเรื่องนี้เป็นหลัก เพราะบริษัทใหญ่ ๆ นั้นจะมีแผนกดูแลเรื่องนี้โดยตรงทำให้สามารถทำได้ดี แต่กิจการเล็ก ๆ ที่ทำเรื่องนี้ไม่ได้ ถึงแม้สินค้าจะดีก็ต่อกรกับบริษัทใหญ่ไม่ได้ ซึ่งการใช้ข้อมูลมาช่วยจะทำให้การวางแผนในการสต็อกของนั้นดีขึ้นได้ครับ

ผู้ดำเนินรายการ: คิดอย่างไรกับเทรนด์ Metaverse กับธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยคะ

คุณเมฆ: Metaverse จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เหมือนกับเกมส์ที่เราเล่นในออนไลน์ ซึ่งมั่นใจมากว่าเทรนด์นี้ต้องมาอย่างแน่นอน โดยแค่เปลี่ยนกราฟฟิกในรูปแบบเกมมาอยู่ในโซเชียลมีเดียแทน ดังนั้นเลยกลายเป็นว่าคุณจะเล่นโซเชียลมีเดียคุณต้องเล่นผ่านเกมแทน ถามว่า concept นี้เป็นไปได้ไหม เป็นไปได้นะครับ เพราะเทคโนโลยีนี้มีคนนำไปใช้แล้ว มองว่ายังไงเรื่องนี้ก็มาครับเพียงแค่ว่าจะมาเมื่อไร ซึ่ง timing เป็นเรื่องสำคัญมากในการทำธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจดีแค่ไหน แต่ถ้าเวลาไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร หากถามว่าเกี่ยวข้องกับคนขายของอย่างไร คนขายของไม่ว่าจะขายทาง marketplace ต่าง ๆ หรือsocial commerce ต้องใช้ช่องทางการขายหลากหลายช่องทาง แล้วในวันที่ social commerce เปลี่ยนไปเป็น Metaverse ก็ต้องเปลี่ยนจากการไลฟ์ขายของไปเป็นการใช้อวตารและการเป็นเซลล์อีเวนต์แทน ซึ่งยังไงเทคโนโลยีเหล่านี้ก็เกี่ยวข้องกับการขายของอยู่ดีครับ เพราะฉะนั้นให้คอยจับตาดูว่าจะมาเมื่อไรไม่ให้พลาดดีกว่าครับ

ผู้ดำเนินรายการ: อยากให้เล่าถึงความสำเร็จในปัจจุบันของ MyCloudFulfillment ว่าตรงตามเป้าหมายไหม และในอนาคตมีเป้าหมายอย่างไรในการพัฒนาธุรกิจคะ

คุณเมฆ: ทุกวันนี้เรามีพนักงาน 350-1,000 คนแล้วแต่ช่วง รวมถึงมีคลังอยู่ที่ 15,000 ตารางเมตร โดยคลังสินค้ามีอยู่ 3 แห่ง คือ รังสิต คลองสามวา และลาดกระบัง ในตอนนี้เรากำลังพยายามที่จะขยายกิจการไปยังประเทศเวียดนาม ซึ่งหากถามว่าการที่เรามาถึงจุดนี้ดีไหม ก็ต้องตอบว่าดีนะครับ แต่ก็ยังห่างไกลจากเป้าหมายที่เราต้องการไปอยู่ดีครับ เพราะสิ่งที่คิดไว้คือหากธุรกิจขนาดเล็กต้องการสู้กับธุรกิจใหญ่ต้องสู้กันด้วยคุณภาพของสินค้าไม่ใช่ระบบจัดการ ซึ่งก็ต้องบอกว่ายังอีกไกลมากครับก็ยังต้องทำต่อไป

ผู้ดำเนินรายการ: เมื่อสักครู่มีพูดว่าจะขยายไปต่างประเทศ นอกจากเวียดนามแล้วยังมีประเทศอื่นอีกไหมคะ แล้วมีมุมมองเรื่องตลาดของประเทศนั้น ๆ อย่างไรบ้าง

คุณเมฆ: ตอนนี้ยังคิดแค่ที่เวียดนามครับ เพราะผมมองตลาดที่มีความคล้ายและใกล้เคียงกับเราซึ่งเวียดนามตอบโจทย์ตรงจุดนี้ อีกทั้งยังมีการเติบโตของตลาดที่ค่อนข้างเร็ว เลยเป็นตลาดที่ค่อนข้างสนใจ ในส่วนตลาดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็คิดว่าคงจะขยายไปครับ ก็ต้องรอดูกันต่อไปทีละขั้นครับ

ผู้ดำเนินรายการ: หากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อยากร่วมงานกับ MyCloudFulfillment สามารถติดต่อได้จากช่องทางไหนบ้างคะ

คุณเมฆ: สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ Mycloudfulfillment.com ได้เลยครับ หรือจะเข้าไปที่ Facebook หรือLine@ ก็ได้ แล้วก็ทักมาหาได้ครับ
Website: www.mycloudfulfillment.com/
Facebook: www.facebook.com/mycloudfulfillment/
Line: @mycloudgroup

ผู้ดำเนินรายการ: มีขั้นต่ำในการสต็อกของไหมคะ

คุณเมฆ: เราเริ่มต้นที่ 1 ลูกบาศก์เมตรครับ ประมาณ 1,000++ บาท แต่ถ้าเป็นร้านที่เพิ่งเริ่ม อยากให้ลองทำเองก่อนดีแล้วครับ จะได้รู้ทุกขั้นตอน

ผู้ดำเนินรายการ: อยากให้ให้กำลังใจกับผู้ประกอบการหรือสตาร์ทอัพที่กำลังเผชิญปัญหาในช่วงโควิดสักเล็กน้อยค่ะ

คุณเมฆ: ส่วนตัวผมคิดว่าโควิดได้ผ่านไปแล้วนะครับ โดยตรงนี้จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ไปต่อไม่ได้แล้ว กับกลุ่มที่อยู่รอดมาถึงจุดนี้ คนที่ล้มไปแล้วก็ต้องบอกว่าเราต้องล้มก่อนอยู่แล้วครับ ทุกคนมี timing ของตัวเองอย่างเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ธุรกิจที่ล้มไปในช่วงนั้นก็สามารถกลับมาได้ แต่ก็ต้องมองให้ดีและอย่ายอมแพ้ ในส่วนกลุ่มที่อยู่รอดมาได้เองก็ต้องระวังมาก ๆ นะครับ เพราะตอนนี้เราเจอเรื่อง รีเซสชันที่เกิดมาจากเรื่องเงินเฟ้อ รวมไปถึงสงคราม และน้ำมันที่ทำให้ต้นทุนสูงมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงคนมีเงินน้อยลง ทำให้รัฐบาลกลางต้องขึ้นดอกเบี้ย ตรงนี้จะทำให้ธุรกิจร่วงลงหมดครับ ประเทศไทยเองอีกไม่นานก็ต้องขึ้นครับ และจะอยู่กับเราไปอีกนานเลยครับ ก็ต้องบอกว่าทำของที่เรามีอยู่ให้ดี รู้จักปรับตัวและมีความยืดหยุ่น รับกับสภาพแวดล้อมในหลาย ๆ รูปแบบให้ได้

** ผู้สนใจรับชมรายการ ICHI TALK ในรูปแบบวิดีโอ สามารถรับชมผ่าน ICHI Website โซน VIDEO ได้ทันที **

RECOMMEND